Jesus Christ Love you  
 
  Home 04/27/2024 4:54am (UTC)
   
 
Google

Jesus

         พระเยซู หรือรู้จักในชื่อ เยซูแห่งนาซาเร็ธ (Jesus of Nazareth) (เกิด ประมาณ 6–4 ปีก่อน ค.ศ. - ประมาณ ค.ศ. 29–33) เป็นชาวยิวซึ่งเป็นศาสดาของคริสต์ศาสนา ชาวคริสต์เรียกเยซูแห่งนาซาเร็ธว่า พระเยซูคริสต์ (Jesus Christ) และถือว่าพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอด เป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า และเป็นหนึ่งในพระตรีเอกภาพ ชาวมุสลิมถือว่า อีซา ไม่ใช่บุตรของพระเจ้า แต่เป็นวิญญาณหนึ่งซึ่งพระผู้เป็นเจ้าบันดาลให้บังเกิดในครรภ์มาเรียโดยมิได้สมสู่กับบุรุษ

คำว่า "เยซู" มาจากคำในภาษากรีกคือ Ιησους [Iēsoûs] ซึ่งมาจากการถ่ายอักษรชื่อ Yeshua [เยชูวา] ในภาษาอาราเมอิกหรือฮีบรูอีกทอดหนึ่ง คริสตชนอาหรับเรียกเยซูว่า "ยาซูอฺ" ตามภาษาซีเรียค ส่วนชาวอาหรับมุสลิมเรียกว่า "อีซา" ตามอัลกุรอาน

ส่วนคำว่า "คริสต์" เป็นสมญาซึ่งมาจากคำในภาษากรีกว่า Χριστός [Christos] ซึ่งเป็นคำแปลของคำภาษาฮีบรู Messiah อันหมายถึง "ผู้ได้รับการเจิม" ชาวอาหรับเรียกว่า "มะซีฮฺ"

 เรื่องราวในคัมภีร์พระธรรมใหม่ ที่บันทึกเกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูเจ้าในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ประสูติจนถึงตอนที่ทำพิธีล้างที่แม่น้ำจอร์แดนไม่มีกล่าวถึงนัก ชาวคริสต์เรียกช่วงเวลานี้ว่า พระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซูเจ้า คัมภีร์อัลกุรอานก็เล่าเพียงช่วงที่มะลักตนหนึ่งจำแลงกายเป็นบุรุษเข้ามาพบกับมัรยัม(มารีย์)และบอกนางว่า นางจะได้บุตรโดยปราศจากบิดา เมื่อนางจะคลอดก็ได้หนีออกไปคลอดนอกเมือง ไปที่โคนต้นอินทผาลัม เมื่อคลอดเสร็จแล้ว พระผู้เป็นเจ้าไดทรงบรรดาลให้มีตาน้ำไหลออกมาให้มัรยัมได้ดื่ม เมื่อพาบุตรกลับมา นางก็ถูกถามและกล่าวหาว่านางได้ผิดประเวณีได้บุตรไร้บิดา นางไม่ยอมพูดแต่อีซาพูดออกมาว่า ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ได้ประทานคัมภีร์ และแต่งตั้งให้ข้าพเจ้าเป็นนบี อัลกุรอานไม่ได้บอกเล่าชีวประวัติในวัยเด็กอีกเลย

เมืองที่เกี่ยวกับช่วงพระชนม์ชีพเร้นลับของพระเยซูเจ้านั้น มีอยู่ 3 เมืองด้วยกัน คือ เมืองเบธเลเฮม เป็นเมืองที่พระเยซูเจ้าทรงประสูติที่ถ้ำเลี้ยงสัตว์ ห่างจากกรุงเยรูซาเลมที่บิดามารดาของพระเยซูเจ้านำพระองค์ไปถวายแก่พระเจ้าที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเลม ต่อไปทางใต้ประมาณ 9 กิโลเมตร และห่างจากเมืองนาซาเรทซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในแคว้นกาลิลีที่พระเยซูเจ้าทรงใช้ชีวิตในปฐมวัยอยู่กับครอบครัวของพระองค์ ไปทางใต้ประมาณ 110 กิโลเมตร ชาวบ้านโดยทั่วไปรู้จักพระเยซูเจ้าในฐานะบุตรของพระแม่มารีย์และนักบุญยอแซฟ (อิสลามเรียกว่า ยูสุฟ) บิดาเป็นช่างไม้ มารดาเป็นแม่บ้านเหมือนสตรีทั่วไป พระเยซูเจ้าเองก็ประกอบอาชีพเป็นช่างไม้เหมือนกัน มีประวัติโดยย่อดังนี้

“นับจากอาดัมและเอวาได้ 49 ชั่วคน ยอแซฟอยู่ที่เมืองเบธเลเฮม นครเยรูซาเลม มณฑลยูดาย ในวันที่ 25 ธ.ค. พ.ศ. 543 มารีย์ ซึ่งเป็นคู่หมั้นของยอแซฟก็ได้ตั้งครรภ์ขึ้น ที่คอกสัตว์ในเมืองเบธเลเฮม และพระเยซูก็ประสูติที่คอกสัตว์นั้นเอง เมื่อพระเยซูประสูติได้ 40 วัน ก็เข้าทำพิธีสุหนัต เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งความภักดีในพระเจ้า ยอแซฟได้ตั้งชื่อบุตรชายว่า เยซู ซึ่งมาจากคำว่า เยซัว (คริสตศักราชเริ่มตั้งแต่ปีนี้ เพราะถือว่าพระเยซูสำเร็จมาตั้งแต่เกิด) เนื่องจากมีข่าวลือว่า ผู้มีบุญมาเกิดในเมืองนี้ เฮโรดจึงสั่งให้ฆ่าเด็กอายุตั้งแต่ 2 ขวบลงไป เพื่อไม่ให้พระเยซูยิ่งใหญ่กว่าตน แต่ยอแซฟพาพระเยซูหนีไปประเทศอียิปต์พร้อมทั้งครอบครัว เมื่อเฮโรดตายแล้ว ยอแซฟก็ย้ายกลับมา พระเยซูเป็นคนฉลาด ช่วยยอแซฟทำงานตั้งแต่เล็ก จนอายุได้ 26 ปี ยอแซฟตายลง และเมื่อพระเยซูอายุได้ 30 ปี ก็ทรงรับพิธีล้าง

พระเยซู ได้รับพิธีล้างจากนักบุญยวง บัปติสตาที่แม่น้ำจอร์แดน และเมื่อพระองค์รับพิธีล้างเสร็จ ก็เกิดปาฎิหาริย์ขึ้น “หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้รับพิธีล้างแล้วพระองค์เสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปิดออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาในรูปของนกพิราบอยู่เหนือพระองค์ พร้อมกันนั้นก็ได้ยินพระสุรเสียงตรัสว่า นี่คือบุตรสุดที่รักของเรา เราพอใจท่านผู้นี้มาก” (มธ. 3:16-17)

พระเยซูเจ้าทรงเป็นอิสราเอลใหม่ เมื่อเทียบกับอิสราเอลเดิมที่เป็นประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ก็ถูกประจญเช่นกัน ตามพระวรสารจากนักบุญลูกา บทที่ 4 ข้อ 1 ถึง 13 ได้บันทึกเอาไว้ว่า

“พระเยซูเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จจากฝั่งแม่น้ำจอร์แดน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นกันดาร ที่นั่นตลอดสี่สิบวันพระองค์ทรงถูกมารมาล่อลวง ตลอดเวลานั้น พระองค์มิได้เสวยอะไรเลย ครั้นสี่สิบวันล่วงแล้วก็ทรงหิวโหย มารทูลพระองค์ว่า ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งก้อนหินนี้ให้เป็นขนมปังเถิด พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า มีจารึกไว้ว่า มนุษย์มิได้เจริญชีวิตด้วยขนมปังเท่านั้น มารจึงพาพระองค์ไปยังที่สูง ให้ทอดพระเนตรอาณาจักรทั้งหลายในโลกชั่วประเดี๋ยว แล้วทูลพระองค์ว่า ข้าพเจ้าจะมอบอานุภาพและเกียรติยศแห่งอาณาจักรเหล่านี้แก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้ตกเป็นของข้าพเจ้า จะมอบแก่ผู้ที่ข้าพเจ้าเห็นดี ดังนั้น ถ้าท่านกราบไหว้ข้าพเจ้า สิ่งเหล่านี้จะตกเป็นของท่านทั้งสิ้น แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า มีจารึกไว้ว่า จงนมัสการพระเป็นเจ้าของเจ้า และบริการพระองค์แต่ผู้เดียว และมารพาพระองค์ไปที่กรุงเยรูซาเลม ให้ประทับบนยอดพระวิหาร ทูลว่า ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้าจงกระโจนลงไปข้างล่างเพราะมีจารึกไว้ว่า พระเป็นเจ้าจะทรงสั่งทูตสวรรค์ให้ป้องกันท่าน มิให้เท้าสะดุดหิน พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า มีกล่าวว่า อย่าล่อลวงพระเป็นเจ้าของเจ้า มารก็ละพระองค์เพื่อย้อนกลับมาในโอกาสใหม่”

 
  Content
 
 
 
 
 
 
  Google Referrals

Today, there have been 1 visitors (1 hits) on this page!
This website was created for free with Own-Free-Website.com. Would you also like to have your own website?
Sign up for free